เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค กองหลังที่ดีที่สุดของโลกยุคปัจจุบัน

ในที่สุด “เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค” ก็ผงาดคว้ารางวัลนักฟุตบอลชายยอดเยี่ยมแห่งยุโรปมาครองตามความคาดหมาย เอาชนะทั้งลิโอเนล เมสซี่ และคริสเตียโน่ โรนัลโด้ สองกองหน้าแห่งยุค ถือเป็นนักเตะในตำแหน่งกองหลังคนแรกที่ได้รับรางวัลนี้ เท่านั้นไม่พอยังมีรางวัลกองหลังยอดเยี่ยมแห่งปีติดมือมาด้วยอีกรางวัล ตอกย้ำการเป็นกองหลังที่ดีที่สุดของโลกคนปัจจุบัน

ฤดูกาล 2018-19 เป็นช่วงเวลาที่ฟาน ไดจ์ค ทำผลงานในสนามให้กับลิเวอร์พูลได้อย่างโดดเด่น ในเกมลีกเขาลงสนามคุมแนวรับหงส์แดงทุกนัดจนเป็นทีมที่เสียประตูให้คู่แข่งน้อยที่สุดเพียง 22 ประตู โดยไม่มีนักเตะคนไหนสามารถเลี้ยงผ่านเขาไปได้ตลอดฤดูกาล และถูกรับเลือกให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของพรีเมียร์ลีก ในฟุตบอลยุโรปปราการหลังชาวดัตช์รับมือกับกองหน้าฝีเท้าฉกาจทั่วยุโรปได้อยู่หมัดจนสามารถพาลิเวอร์พูลฉลองแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก เป็นสมัยที่ 6 ได้สำเร็จ

ฟาน ไดจ์ค เป็นนักเตะที่มีร่างกายอันแข็งแกร่ง เหมาะสมกับการเล่นในตำแหน่งปราการหลังตัวกลาง แถมยังมีความเร็วจัด และเทคนิคที่ดี เป็นนักเตะที่มีอิทธิพลอย่างมากกับการเล่นลูกตั้งเตะของทีม ไม่ว่าขณะเป็นฝ่ายป้องกันหรือจังหวะเข้าทำประตู โดยสามารถโหม่งทำประตูช่วยทีมได้อยู่บ่อยครั้ง นอกจากนั้นยังมีความเป็นผู้นำสูง คอยบัญชาการเกมรับให้ทีมอยู่ตลอดเวลา ถือเป็นนักเตะที่พัฒนาฝีเท้าตัวเองขึ้นในทุก ๆ ปี

กองหลังทีมชาติเนเธอร์แลนด์เริ่มต้นอาชีพกับโกรนิงเก้น ทีมระดับกลางของลีกดัตช์ ก่อนจะย้ายร่วมทีมเซลติก ทีมชั้นนำของสกอตแลนด์ในปี 2013 โดยเป็นกำลังหลักช่วยให้เซลติกคว้าแชมป์ลีก 2 สมัยซ้อน จนถูกกองหลังรุ่นพี่ร่วมชาติอย่างโรนัลด์ คูมัน ผู้จัดการทีมเซาแธมป์ตันในขณะนั้นดึงมาร่วมทีมด้วยค่าตัว 13 ล้านปอนด์ เขากลายมาเป็นกำลังหลักของทีมนักบุญในเวลาอันรวดเร็ว แม้จะทำได้แค่ช่วยรักษาระดับทีมให้อยู่กลางตารางคะแนน แต่ด้วยการฟอร์มการเล่นส่วนตัวที่แข็งแกร่งและดุดัน ทำให้เจอร์เกน คล็อปป์ ตัดสินใจทุ่มเงินสูงถึง 75 ล้านปอนด์ เพื่อนำตัวสู่แอนฟิลด์ กลายเป็นกองหลังค่าตัวแพงที่สุดในโลกเวลานั้น จนถูกวิจารณ์อย่างหนักทั้งจากแฟนบอล และเหล่านักพนันที่ใช้บริการบนเว็บไซต์ VWIN ถึงค่าตัวที่มูลค่าสูงเกินจริง ก่อนจะลบคำปรามาสด้วยการพาลิเวอร์พูลเข้ารอบชิงชนะเลิศศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 2 ปีติด และเป็นแชมป์ในที่สุด

การคว้ารางวัลนักฟุตบอลชายยอดเยี่ยมแห่งยุโรปในครั้งนี้ ทำให้ฟาน ไดจ์ดถูกคาดหมายให้เป็นตัวเต็งสำหรับรางวัลบัลลงดอร์ 2019 ที่จะมอบในช่วงสิ้นปีนี้ ซึ่งหากเป็นจริงเขาจะกลายเป็นนักเตะกองหลังคนแรกในรอบ 13 ปีที่ได้รับรางวัลนี้ต่อจากฟาบิโอ คันนาวาโร่ สมัยเล่นให้รีล มาดริด และจะเป็นนักเตะลิเวอร์พูลคนแรกในรอบ 18 ปี หลังจากที่ไมเคิล โอเว่นเคยทำได้ตั้งแต่ 2001 เลยทีเดียว