โปรเจ็คใหญ่ ในฤดูกาลใหม่ของไก่เดือยทอง

หลังจากสนาม “ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดี้ยม” สร้างเสร็จและเปิดใช้ไปเมื่อปลายฤดูกาลที่ผ่านมาตอนนี้ทีมไก่เดือยทองโดยเฉพาะผู้บริหารอย่างดาเนี่ยล เลวี่ไม่มีเหตุผลต้องดำเนินนโยบายรัดเข็มขัดอีกต่อไปแถมการเข้ารอบลึก ๆ ในบอลถ้วยใหญ่ของยุโรปยังทำให้มีเม็ดเงินหลั่งไหลเข้าสู่สโมสรจำนวนมาก นั่นคือสิ่งที่บรรดาทีมใหญ่ต่างครั่นคร้ามเพราะขนาดสเปอร์ไม่มีเม็ดเงินยังทำให้พวกเขาต้องลำบากได้ถึงขนาด ถ้าทีม ๆ นี้กลายเป็นทีมเงินถุงเงินถังได้นักเตะชั้นดีจะน่ากลัวปานใด? และแล้วสิ่งที่หลาย ๆ ทีมกังวลก็มาถึงทีมไก่เดือยทองกำลังจะทำให้ทุกคนเห็นในฤดูกาลนี้เลยเมื่อดาเนี่ยล เลวี่อนุมัติเงินให้เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ผู้จัดการทีมคนเก่งช็อปนักเตะตามสำราญกว่า 170 ล้านปอนด์และนี่คือเมก้า โปรเจ็คที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าสเปอร์จากทีมลุ้นอันดับสี่สู่ทีมลุ้นแชมป์แบบเต็มตัว กองหน้า พอชต้องการกองหน้าที่ฝากผีฝากไข้ได้มากกว่าและกดดัน ท้าทายตำแหน่งตัวจริงของแฮร์รี่ เคนเพื่อให้เคนเค้นฟอร์มที่ดีที่สุดออกมาสู้ได้มากกว่าวินเซนต์ ยานเซ่นกับเฟอร์นานโด ยอเรนเต้จึงกำลังจะผ่องถ่ายทั้งกองหน้าจอมเก๋าชาวสเปนกับกองหน้าผิดฟอร์มออกจากทีมโดยมีเป้าหมายที่กองหน้าครบเครื่องอย่างอินากี้ วิลเลี่ยมจากแอตเลติก บิลเบาหรือโจชัวร์ คิงจากบอร์นมัธ กองกลาง หนึ่งตำแหน่งที่ต้องเสริมแน่ ๆ คือกองกลางตัวกลางที่ล็อกเป้าแล้วว่าต้องต็องกี เอ็นดอมเบเล่เท่านั้นส่วนตำแหน่งอื่น ๆ กุนซือชาวอาร์เจนไตน์อาจรอดูก่อนว่าคริสเตียน อีริคเซ่นจะได้ย้ายทีมหรือไม่โดยมีการวางเป้าหมายตัวแทนจอมทัพชาวเดนมาร์กอยู่ที่จิโอวานนี่ โล เชลโซ่ จากเรอัล เบติสและบรูโน่ แฟร์นานเดสจากสปอติ้ง ลิสบอร์น ในส่วนกองกลางตัวรับวิคเตอร์ วานยาม่ากับเอริค ดายเออร์ที่แมนฯยูฯแสดงความสนใจทั้งคู่หากมีคนหนึ่งคนใดถูกขายออกไปอาจต้องหากองกลางตัวรับคนใหม่มาแทนด้วยเช่นกัน กองหลัง พอชออกอาการไม่ปลื้มการทำหน้าที่ของฟูลแบ็คทั้งสองข้างของทีมไม่ว่าจะเป็นแบ็คซ้าย แดนนี่ โรส แบ็คขวา แซร์จ ออริเย่ร์ หรือแม้กระทั่งแบ็คขวาตัวจริงทีมชาติอังกฤษอย่างคีแรน ทริปเปียร์ […]

สำหรับฟุตบอลนั้น ช้า ๆ ไม่ได้พร้าสักเล่ม

ถ้าพูดถึงสโมสรใหญ่ทุกคนคงนึกถึงทีมที่มีฐานแฟนบอลอยู่ทั่วโลก มีเม็ดเงินมหาศาล ในทีมประกอบด้วยแข้งระดับเวิร์ลคลาสมากมาย แต่ทีมใหญ่ที่เรากำลังจะพูดถึงอยู่นี้ตรงกันข้ามกับทุกอย่างที่กล่าวไป ต้องกระเสือกกระสนดิ้นรนแทบทุกปี แถมตกชั้นเป็นว่าเล่น ไม่มีนักเตะระดับโลกอยู่เลย หลายคนคงนึกออกทันใด ใช่แล้วล่ะนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ดนั่นเอง ไมค์ แอชลีย์ประธานสโมสรคือคนที่เหล่าบรรดาทูนอาร์มี่จงชังกว่าใคร เขาคือคนที่ทำให้นิวคาสเซิ่ลทรง ๆ ทรุด ๆ อยู่ตลอดเพราะนโยบายการบริหารสโมสรที่ไร้ความทะเยอทะยาน ไมค์ แอชลีย์หวังพึ่งฟ้าพึ่งฝนให้ทีมใช้เงินน้อยที่สุดในขณะเดียวกันก็หวังว่าผลงานของนักเตะที่มีจะดีขึ้นมาแบบฟลุ๊ค ๆ เพื่อจะขายนักเตะที่ทำผลงานดีเหล่านั้นออกไปแบบแพง ๆ  เช่นเดียวกับกรณีจิออจิโอ้ ไวจ์นัลดุมกับมุสซ่า ซิสโซโก้ที่ได้เงินรวมกันกว่า 70 ล้านปอนด์ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเป้าหมายของทีมมีเท่านี้จริง ๆ คือซื้อนักเตะถูก ๆ มาปั้นเพื่อขายออกไปโดยไม่สนผลงานของทีมถึงจะตกชั้นก็ตาม แสบกว่านั้นคือแม้จะขายนักเตะได้เงินมหาศาลแต่เงินจำนวนนั้นไม่ได้นำมาปรับปรุงทีมเลย ประธานสุดตืดยังคงจำกัดทุนในการทำทีมไว้แค่ 15-30 ล้านปอนด์เท่านั้น ซึ่งราฟาเอล เบนิเตซออกมาบ่นผ่านสื่อเลยว่าเจ้าของสโมสรผู้นี้ไม่รักษาคำพูดกับเขาทั้งที่ก่อนเซ็นสัญญาคุมทีมมีการรับปากว่าจะให้งบช็อปนักเตะกับเบนิเตซแบบไม่อั้นแต่พอเอาเข้าจริง ๆ ให้งบสำหรับการทำทีมลุยพรีเมียร์ลีกแค่ 15 ล้านปอนด์เท่านั้น แน่นอนหลังจากนั้นความสัมพันธ์ระหว่างผู้จัดการทีมกับเจ้าของสโมสรเกิดความไม่ลงรอยมาตลอด แต่แล้ววันฟ้าเปิดของราฟาเอล เบนิเตซและบรรดาสาวกทูน อาร์มี่ก็มาถึงเมื่ออยู่ ๆ ไมค์ แอชลีย์ประกาศขายสโมสรแบบที่ใครก็คาดไม่ถึง จากนั้นไม่นานก็ได้อแมนด้า สเตฟลี่ย์เศรษฐีณีนักธุรกิจติดต่อขอเทคโอเวอร์สโมสร ทุกอย่างดูราบรื่นเป็นไปได้ด้วยดีและดูท่านิวคาสเซิ่ลจะได้เจ้าของใหม่อยู่รอมร่อแต่ท้ายที่สุดการเจรจาล่มไม่เป็นท่าเพราะไมค์ต้องการขายสโมสรด้วยราคาสุดแพงชนิดเป็นไปไม่ได้ เศรษฐีณีจากยอร์เชียร์เห็นว่าถูกเอาเปรียบเกินไปจึงเซย์โนแล้วเดินจากไปแบบไม่หวนกลับอีกเลย ท้องฟ้าเมืองนิวคาสเซิ่ลกลับสู่ความอึมครึมอีกครั้งจนถึงช่วงปลายฤดูกาลที่ผ่านมาเมื่อทีมอย่างนิวคาสเซิ่ลจมอยู่ก้นตาราง มูลค่าของสโมสรตกลงไปและไมค์ […]

เมื่อจิ้งจอกสยามคิดจะทำการเปลี่ยนจ่าฝูง

ทีมผู้บริหารจิ้งจอกสยามเลสเตอร์ ซิตีสั่งปลดโกลด ปูแอล ผู้จัดการทีมตามคาดเซ่นผลงานลุ่ม ๆ ดอน ๆ ทำตัวเป็นโรบินฮู้ดที่แบ่งแต้มทีมใหญ่ไปแจกทีมเล็กพร้อมทั้งแต่งตั้งกุนซือตาหวานเบรนแดน ร็อดเจอร์สอดีตผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลเข้ามารับตำแหน่งแทน ซึ่งนักวิจารณ์หลายคนต่างมองว่าผู้บริหารของเลสเตอร์มีความคิดเฉียบแหลมทีเดียวเพราะนาทีนี้ร็อดเจอร์สดูเหมาะสมกับทีมจิ้งจอกเป็นที่สุดและคุณสมบัติที่บอกว่าเขาคือคนที่ใช่มีดังต่อไปนี้                 รูปแบบการเล่น หลายคนอาจลืมไปแล้วว่าระบบหลังสามที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันก่อนที่อันโตนิโอ คอนเต้จะนำมาใช้จนประสบความสำเร็จมันเคยถูกนำเข้ามาในพรีเมียร์ลีกโดยเบรนแดน ร็อดเจอร์ส ซึ่งหลังจากติดตั้งระบบดังกล่าวลิเวอร์พูลที่ไม่เคยเข้าใกล้แชมป์เลยกลับได้ลุ้นจนเกือบเข้าวินมาแล้ว นอกจากนั้นกุนซือตาหวานยังมีลูกหนักในแผนฟุตบอลแบบสวนกลับอันเป็นสูตรสำเร็จที่เคยพาเลสเตอร์เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกมาแล้วนั่นเอง แต่ใช่ว่าเขาจะมีแผนการเล่นตายตัวเท่านี้ไม่ว่าจะเป็น 4-2-3-1, 4-3-3 หรือ 3-5-2 ร็อดเจอร์ต่างเคยนำมาปรับใช้กับทีมที่เขาบริหารจัดการแทบทั้งสิ้น                 คอนเน็คชั่น กุนซือผู้นี้มีสายสัมพันธ์อันดีกับนักเตะในทีมทั้งยังเป็นมิตรกับสโมสรที่เขาเคยร่วมงานหรือแม้แต่ทีมคู่แข่งดังนั้นการเจรจาซื้อขายตัวนักเตะฉบับร็อดเจอร์สมักจะราบรื่นเสมอและด้วยบารมีชื่อเสียงที่สั่งสมมานานนักเตะชั้นดีจึงไว้ใจที่จะร่วมงานด้วยในระยะยาว ต่างจากโกลด ปูแอลที่นักเตะหลายคนออกมาแฉว่าร่วมงานด้วยยากแถมยังไม่รับฟังความคิดเห็นของผู้เล่นอีกด้วย                 ผลงานในอดีต การพาสวอนซี ซิตี้ขึ้นชั้นมาจากลีกเดอะ แชมเปียนส์ชิปและอยู่รอดบนลีกสูงสุดได้ตลอดระยะเวลาในการทำทีมคือผลงานเด่นสร้างชื่อให้เขามาจนทุกวันนี้ หลังจากนั้นการย้ายไปคุมทีมลิเวอร์พูลก็ทำให้ทีมหงส์แดงได้ไปเล่นยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกสำเร็จตามเป้าแถมยังเกือบได้แชมป์พรีเมียร์ลีกด้วย ผลงานระดับมาสเตอร์พีชล่าสุดคือพาเซลติกเป็นแชมป์สก็อตติช พรีเมียร์ชิปอย่างอาจมอง เห็นได้ชัดว่าแม้สโมสรจะตั้งเป้าหมายไว้ตรงไหนร็อดเจอร์สต่างทำได้ตามเป้าแทบทั้งสิ้น ดังนั้นทีมที่เป้าหมายไม่ใหญ่มากอย่างเลสเตอร์แทบไม่ต้องพูดถึงการันตีได้เลยว่าไม่เกินมือผู้จัดการทีมมากฝีมือรายนี้อย่างแน่นอน                 เหตุผลเหล่านี้คือสิ่งที่บ่งบอกว่าเบรนแดน ร็อดเจอร์สคือผู้จัดการทีมที่เหมาะสมจะเข้ามากุมบังเหียนเลสเตอร์ ซิตี้ในนาทีนี้เหลือเกิน แม้เลสเตอร์ในตอนนี้จะไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะลุ้นอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเพราะพวกเขาอยู่กลางตารางห่างจากโซนตกชั้นกว่าสิบคะแนนจะเรียกว่าปลอดภัยแล้วก็คงได้แถมห่างจากทีมอันดับหกที่จะได้ไปเล่นยูโรปาลีกถึงสิบเอ็ดคะแนนซึ่งต้องบอกว่าหมดลุ้นไปแล้วเช่นกัน แม้รู้อย่างนั้นผู้บริหารทีมจิ้งจอกสยามก็ไม่ได้ปล่อยเลยตามเลยพวกเขาเลือกตัดสินใจเปลี่ยนตัวผู้จัดการทีมตั้งแต่วันนี้เพื่อปูรากฐานในอนาคต นี่คือความคิดของคนที่มีภาวะผู้นำซึ่งสื่อต่างยกย่องว่าทีมผู้บริหารเลสเตอร์ค่อนข้างมีวิสัยทัศน์ที่ดีเลยทีเดียว

ฤดูสุดท้ายแล้ว ที่สองทีมนี้จะวืดแชมป์?

ในช่วงกว่าทศวรรษไม่มีฤดูกาลใดที่หอมหวานไปกว่านี้สำหรับทีมอย่างลิเวอร์พูลและโบรุสเซีย ดอร์ทมุน ช่วงกลางฤดูกาลทีมดังจากเกาะอังกฤษทิ้งห่างอันดับสองอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ถึงเจ็ดคะแนนแถมทรงฟุตบอลยังดุดันเร้าใจไม่เพลี่ยงพล้ำง่าย ๆ ต่อทีมเล็กดูมีอนาคตกว่าที่ผ่าน ๆ มา ด้านทีมเสือเหลืองจากเยอรมนีเองก็นำโด่งเป็นจ่าฝูงทิ้งห่างอันดับสองอย่างบาเยิร์น มิวนิค ชนิดไม่เห็นฝุ่นกว่าเก้าคะแนนแถมไม่มีอาการแข้งไหลเหมือนแต่ก่อนนักเตะคนสำคัญของทีมอยู่กันครบประกอบกับนักเตะดาวรุ่งพากันแจ้งเกิดแทบทุกตำแหน่ง ปัจจัยแวดล้อมที่เกื้อหนุนทำให้ตำแหน่งแชมป์ลีกของทั้งสองทีมแทบจะนอนมาเลยก็ว่าได้ ศักราชใหม่ในปี 2019 ทุกอย่างดูจะไม่เป็นดังหวังเสียแล้วไป ๆ มา ๆ ลิเวอร์พูลกลับตกลงมาอยู่ที่สองมีแต้มตามหลังแมนฯซิตี้หนึ่งแต้มด้านดอร์ทมุนเองก็ช็อตเอาดื้อ ๆ ปล่อยให้บาร์เยิร์น มิวนิคทำแต้มขึ้นมาเท่าพวกเขาอีกจนได้ อะไรคือความเสี่ยงที่ทำให้พวกเขากำลังจะมือเปล่าไร้แชมป์ไปอีกหนึ่งฤดูกาลและอะไรคือจุดอ่อนที่พวกเขาต้องรีบแก้ไขโดยด่วนมาหาคำตอบไปด้วยกัน ลิเวอร์พูล ทีมหงส์แดงทีมนี้แกร่งทั่วแผ่นจนแทบไม่มีจุดอ่อน แต่เป็นเรื่องจริงที่ทีมเคยท้าชิงกับทีมเคยได้แชมป์นั้นต่างกัน การยืนระยะหลังจากนักเตะสำคัญบาดเจ็บลิเวอร์พูลทำได้ไม่ดีนักพอไม่มีเดยัน ลอฟเรน โจ โกเมซ โจเอล มาติ๊ป และเทรนด์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลในช่วงเวลาที่ต่างกันผลงานของลิเวอร์พูลสะดุดอยู่หลายครั้งต่างจากแมนเชสเตอร์ ซิตีที่แม้      เควิน เดอ บรอยน์ ดาบิด ซิลบา และจอห์น สโตนจะไม่ได้อยู่ช่วยทีมผลงานของทีมก็ยังคงเส้นคงวาเก็บแต้มได้สม่ำเสมอ อีกปัจจัยสำคัญคือฟอร์มการเล่นของดาวยิงประจำทีมอย่างโมฮัมเหม็ด ซาล่าห์ที่ฤดูกาลนี้ตกลงไปพอสมควรแถมยามต้องเจอทีมใหญ่ด้วยกันดาวยิงหัวฟูไม่สามารถทำประตูทีมไหนได้เลยจะเรียกว่าถนัดยิงแต่ทีมเล็กก็คงไม่ผิด ซึ่งถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไปแฟนบอลลิเวอร์พูลก็มีสิทธิ์แห่ซาเล้งเก้อไปอีกหนึ่งฤดูกาล โบรุสเซีย ดอร์ทมุน เดจาวูของทีมเสือเหลืองก็ไม่ต่างจากทีมหงส์แดงเท่าไรนัก อาการบาดเจ็บของผู้เล่นที่กำลังฟอร์มกระฉูดอย่างมาร์โก รอยส์ ปาโบล อัลกาแซร์ส่งผลอย่างมากกับยักษ์ใหญ่จากเยอรมนี แม้ดาวรุ่งที่ขึ้นชั้นมาผลงานจะน่าเป็นปลื้มแต่การเชื่อมั่นในฝีเท้าและเลือกพึ่งพาเด็ก ๆ มากกว่านักเตะมากประสบการณ์ไม่เป็นผลดีต่อทีมที่ต้องเจอแรงกดดันมหาศาลในระดับลุ้นแชมป์ […]

สโมสรรับมือไม่ไหวเตรียมโละขายซุปตาร์เหล่านี้

ขึ้นชื่อว่านักเตะซูเปอร์สตาร์ไม่ว่าทีมไหนต่างก็อยากมีไว้ในสโมสรเพราะบรรดาดาวดังเหล่านี้ต่างดึงดูดเม็ดเงินจากทั่วทุกสารทิศแถมผลงานในสนามก็ไฉไลกว่านักเตะธรรมดาเป็นไหน ๆ แต่ด้วยความที่เป็นคนดังความเยอะและเรื่องปวดหัวจุกจิกสารพัดก็ตามมาไม่น้อยเช่นกัน ซุปตาร์ส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่พวกว่าง่ายเสียด้วยดังนั้นสโมสรต่าง ๆ ที่รับมือกับนักเตะมากปัญหาเหล่านี้ไม่ได้จึงเตรียมเทขายออกไปให้พ้น ๆ ทีมหลังจบฤดูกาลนี้                 แกเร็ธ เบล ปีกพญาวานรอาจเป็นขวัญใจของแฟนบอลท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์รวมทั้งแฟนบอลพรีเมียร์ลีกด้วย แต่กับ เรอัล มาดริดแฟนบอลส่วนใหญ่ต่างแอนตี้เขาตั้งแต่ย้ายเข้าไปร่วมทีมราชันชุดขาวใหม่ ๆ แม้จะยิงประตูสำคัญมากมายทั้งประตูชี้ขาดผลการแข่งขัน ประตูสำคัญในนัดชิงชนะเลิศ รวมทั้งนัดชิง UCL ปี 2018 สด ๆ ร้อน ๆ ที่เขาทำประตูให้ราชันชุดขาวจนสุดท้ายมีชัยเหนือหงส์แดง ลิเวอร์พูลรวมทั้งทำให้ลอริส คาริอุสเสียผู้เสียคนไปเลยนั่นก็ยังไม่ดีพอ ไม่ว่าเบลจะทำดีแค่ไหนแฟนบอลเรอัล มาดริดก็ไม่เคยเปิดใจให้เขาเลย ประกอบกับคาแรคเตอร์การเล่นแบบชงเองกินเองและอาการบาดเจ็บที่ชักจะบ่อยเกินไปตอนนี้ทีมดังจากเมืองหลวงสเปนขอปักป้ายขายที่หนึ่งร้อยล้านยูโรและยินดีรับฟังข้อเสนอจากทุกทีม                 ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ “คูตี้”จอมทัพชาวบราซิลย้ายจากลิเวอร์พูลไปร่วมทีมบาร์เซโลนาด้วยค่าตัวมหาศาล แต่แล้วเพียงไม่ถึงสองปีบนแผ่นดินกระทิงดุเขากลับคลำหาฟอร์มเก่งไม่เจอแถมยังเล่นไม่ค่อยเข้ากับระบบของทีมเจ้าบุญทุ่มอีกด้วย ดังนั้นบาร์เซโลนาจึงขอทุนคืนแค่หนึ่งร้อยล้านตั้งแต่ตลาดซื้อขายกลางฤดูกาลและดูเหมือนว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะแอบเหล่อดีตนักเตะทีมคู่ปรับอยู่หน่อย ๆ แต่สุดท้ายก็ไม่มีสโมสรใดอยากควักจ่ายราคานี้เลย                 อุสมาน เดมเบเล่ นักเตะสายเกมเมอร์ที่มีปัญหาติดเกมงอมแงม ตื่นสาย ไม่ไปร่วมซ้อมกับทีมและอีกสารพันปัญหาจริง ๆ เป็นหนึ่งในนักเตะที่สโมสรไม่อยากขายเพราะฝีเท้าที่ติดตัวเหลือกินเหลือใช้ ใช้ไม้อ่อนก็แล้วใช้ไม้แข็งก็แล้วพยายามปรับทัศนคติเจ้าตัวแต่ไม่เป็นผลสำเร็จ บาร์เซโลนาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปักป้ายขายสถานเดียวและทีมที่จ่อรอเซ้งคือลิเวอร์พูลที่พร้อมประเคนขันหมากกว่า 120 ล้านยูโร                 […]

เกมแพ้แต่ชนะใจ อุรุกวัยประทับใจฟอร์มเจ้า “เจ” ถึงขนาดขอเสื้อ

ขอเก็บตกจากเกมการแข่งขันฟุตบอล ไชน่า คัพ 2019 รอบชิงชนะเลิศที่ผ่านมา เอาเป็นว่าเป็นเรื่องควันหลงจากเกมก็แล้ว แม้ตัวเกมการแข่งขันเราจะพ่ายแพ้ให้กับทีมชาติอุรุกวัยไปอย่างหมดรูปถึง 4 ประตูต่อ 0 ก็ตาม แต่เบื้องหลังสนาม ภายหลังจากจบเกมมีอะไรน่านำมาเล่าไม่น้อย ก็เพราะเจ้า “เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ โชว์ฟอร์มการเล่นได้เข้าตาทางอุรุกวัย ถึงขนาดจบเกมกลับเข้าห้องพักนักกีฬาแล้ว ทางอุรุกวัยยังเดินมาขอเสื้อเจ้าเจไปเป็นที่ระลึกด้วย ถึงแพ้ก็ไม่น่าเกลียดเพราะสู้เต็มที่แล้ว การที่ทีมชาติไทย เข้าไปพบกับ ทีมชาติอุรุกวัยนั้น รูปเกมการก่อนการแข่งขันก็แทบจะไม่มีหวังอะไรมากอยู่แล้ว ราคาต่อรองในเว็บพนันกีฬาออนไลน์อย่าง VWIN ก็ปล่อยราคาให้ไทยเป็นรองหลายขุม แทบไม่มีใครคิดอยู่แล้วว่าไทยจะโค่นอุรุกวัยได้ เพราะทีมชาติอุรุกวัยนั้นเป็นทีมที่แข็งเป็นอันดับ 7 ของโลกทีเดียว แม้จะเป็นรองแค่ไหนก็ตาม แต่ทีมช้างศึกก็ขอสู้อย่างเต็มที่เต็มกำลัง ผลของเกมออกมา ช้างศึกโดนยิงไป 4 ประตูพ่ายไปตามคาด หากจะมองว่ามาถึงระดับนี้ได้ก็ถือว่าไม่น่าเกลียดแล้ว ที่สำคัญไปกว่านั้น มีนักเตะไทยหลายคนโชว์ฟอร์มการเล่นได้ดีในแต่ละนัด โดยเฉพาะชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่ในนัดที่พบกับจีนชนาธิป ช่วยยิงประตูชัยให้กับทีม เอาชนะจีนไปได้ 1 – 0 ด้วยฟอร์มการเล่นที่พลิ้วไหวและขยันทำให้ไปเข้าตาทีมฟุตบอลที่มาร่วมแข่งด้วยในรายการนี้หลายทีม แต่ที่แน่นอนก็คือ ฟอร์มการเล่นเจ้าเจโดนใจสมาคมฟุตบอลอุรุกวัยไปเต็ม ๆ แน่นอน ประทับใจจนต้องมาขอเสื้อด้วยตัวเอง […]

โซลชา ชายผู้ที่เกิดมาเพื่อสร้างปาฏิหาริย์

ปาฏิหาริย์คือสิ่งที่เกิดขึ้นได้บ่อย ๆ ในวงการฟุตบอล เป็นหนึ่งในมนต์เสน่ห์ที่ทำให้กีฬาชนิดนี้สร้างความประทับใจแก่บรรดาแฟนกีฬาทั้งหลาย การรอดตกชั้นในเกมสุดท้ายของฤดูกาลด้วยผลต่างประตูได้เสียหรือแต้มที่เชือดเฉือนกันเพียงคะแนนเดียว การเข้าชิงบอลถ้วยของทีมระดับตำบลหรือการได้แชมป์ลีกอย่างมหัศจรรย์ของทีมนอกสายตาทุกสิ่งคือปาฏิหาริย์ที่สร้างความประทับใจไม่รู้ลืม ย้อนกลับไปแมตซ์ดราม่าสุดคลาสสิคตลอดกาลในนัดชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกปี1999 ระหว่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกับบาเยิร์น มิวนิค ในตอนนั้นพรีเมียร์ลีกถือเป็นลีกลูกไล่ในจำนวนสี่ลีกใหญ่ของยุโรปอย่างกัลโช่ เซเรีย อาจากอิตาลี บุนเดสลีก้าแห่งเยอรมนี ชและลา ลีก้าของสเปนด้วยซ้ำ พรีเมียร์ลีกในตอนนั้นยังไม่ค่อยนิยมนักเตะนอกเครือจักรภพในลีกจึงไม่ค่อยมีนักฟุตบอลระดับโลกสักเท่าไรต่างจากสามลีกใหญ่ข้างต้นที่อุดมไปด้วยสุดยอดนักเตะระดับแชมป์โลกและแชมป์ทวีป ดังนั้นการเข้าชิงถ้วยใหญ่ของยุโรปในปีนั้นแมนยูฯจึงเป็นรองทีมเสือใต้อยู่มาก รูปเกมเป็นไปตามคาดแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดถูกบุกกระหน่ำแทบทั้งเกมและทีมดังจากมิวนิคก็ขึ้นนำไปก่อนตั้งแต่นาทีที่หกจากฟรีคิกของมาริโอ บาสเลอร์ จนใกล้ครบเก้าสิบนาทีทุกคนรู้ดีว่าบาเยิร์น มิวนิคจะได้ชูถ้วยแชมป์อย่างแน่นอนแต่แล้วก็เกิดเหตุไม่คาดฝันเมื่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่สู้อย่างสุดใจมาตลอดทั้งเกมตีเสมอได้จากลูกเตะมุมที่ดาวิด เบ็คแฮมครอสเข้าไปนักเตะบาเยิร์นฯสกัดไปเข้าทางให้ไรอัน กิ๊กส์ตะบันจากนอกกรอบและบอลแฉลบไปเข้าทางเท็ดดี้ เชอริงแฮมลูกค่อย ๆ กลิ้งเข้าประตูไป ตอนนั้นทุกคนคาดว่าเกมนี้คงยืดเยื้อไปจนถึงช่วงทดเวลาแต่ไม่มีใครคาดคิดว่าฟ้าจะผ่าซ้ำที่เดียวกันเป็นหนที่สองเมื่อแมนยูฯทำประตูได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บจากลูกเตะมุมที่เบ็คส์เปิดเข้าศรีษะของเท็ดดี้ซึ่งบรรจงสะบัดอย่างเต็มแรงแต่ทิศทางลูกฟุตบอลไม่ได้มุ่งหน้าเข้าสู่ประตู ทันใดนั้น…เท้าของชายหน้าละอ่อนผู้ที่ไม่มีใครสนใจสอดเข้ามาเปลี่ยนทางลูกฟุตบอลให้เข้าไปตุงตาข่ายเป็นประตู ส่งผลให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเป็นแชมป์ UCL ปีนั้นทันที ปาฏิหาริย์ที่เกิดในเกมเดียวกันถึงสองครั้งตราตรึงใจแฟนบอลทุกผู้มาจนถึงปัจจุบัน ตำนานนักเตะในเกมนั้นแต่ละคนแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตและทำหน้าที่ของตัวเองแต่มีคนหนึ่งที่หวนกลับมาทำงานในสโมสรทั้งยังรั้งตำแหน่งผู้จัดการทีม โอเล่ กุนนาร์ โซลชาชายผู้มาพร้อมคำปรามาสและสัญญาคุมทีมระยะสั้นเสมือนหนึ่งว่าแม้แต่ผู้บริหารยังไม่เชื่อถือในฝีมือการทำทีมของเขาเท่าใดนัก ในขณะที่เพชรฆาตหน้าทารกเข้ามารับงานเผือกร้อนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมีแต้มห่างจากทีมอันดับสี่ที่มีสิทธิ์ได้ไปเล่นยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกอย่างเชลซีกว่าสิบเอ็ดแต้มในขณะที่กุนซือคนเก่าอย่างโจเซ่ มูรินโญ่ ถอดใจตั้งแต่ยังไม่ถึงกลางฤดูกาลพร้อมทั้งบอกว่าการที่แมนยูฯจะติดสี่อันดับแรกในปีนี้นั้นเป็นไปไม่ได้ หลังจากคุมทีมผ่านไปสิบเกมแรกโซลชาพาทีมชนะไปถึงแปดเสมอเพียงแค่สองปัจจุบันทำแต้มแซงอาร์เซนอลและเชลซีขึ้นไปอยู่อันดับสี่มีแต้มห่างจาก ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์อันดับสามเพียงสามแต้ม ทำให้ตอนนี้ใคร ๆ ต่างก็คิดว่าบางทีบุรุษที่ชื่อโอเล่ กุนนาร์ โซลชาอาจจะถือกำเนิดมาเพื่อสร้างปาฏิหาริย์ซ้ำแล้วซ้ำอีกก็เป็นได้

ปาเกต้า&เปียเต็ก คู่หูเด็กมหาประลัย

เอซี มิลานทีมยักษ์หลับแห่งเมืองหลวงของอิตาลีเคยเป็นทีมที่อยู่ในระดับเดียวกับเรอัล มาดริด บาร์เซโลน่า บาร์เยิร์น มิวนิค และยูเวนตุสเคยสร้างความครั่นคร้ามให้กับคู่แข่งเสมอโดยเฉพาะฟุตบอลรายการยุโรปทีมใดถูกจับคู่มาเจอกับมิลานถือว่าเป็นคราวเคราะห์อย่างแท้จริง แต่ช่วงเกือบยี่สิบปีที่ผ่านมาด้วยพิษเศรษฐกิจประกอบกับนักเตะในอะคาเดมี่ไม่สามารถพัฒนาขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ได้ทีมปิศาจแดงดำจึงอยู่ในยุคแช่แข็งมาตลอด จนเมื่อกลางฤดูกาลนี้เองที่นโยบายในตลาดซื้อขายนักเตะของมิลานเริ่มผลิดอกออกผล ทีมใหญ่ทีมนี้กำลังเริ่มฟื้นตัวอีกครั้งอย่างมีอนาคต “แฟนบอลมิลานลืมกาก้าไปได้เลย” นี่คือคำพูดอหังการมาก ๆ ของเด็กหนุ่มวัยแค่21ปีซึ่งไม่เคยผ่านสมรภูมิฟุตบอลยุโรปแม้แต่เกมเดียว เมื่อถอดความจากถ้อยคำนี้ถ้าไม่มั่นใจในฝีเท้าตัวเองมาก ๆ ก็ขี้โม้แหง ๆ ซึ่งดูแล้วเจ้าหนุ่มลูคัส ปาเกต้าจากบราซิลผู้นี้คืออย่างแรกมากกว่าเพราะเพียงแค่เกมแรกที่ลงสนามเขาก็โชว์ทักษะอันเหลือล้นทั้งการจ่ายบอลที่แม่ยำการครอบครองบอลอันเหนือชั้นหรือแม้แต่การแย่งบอลจากคู่แข่งลีลาทั้งหลายเหล่านี้ทำเอาสปอตไลท์ทุกดวงส่องแสงลงไปที่ตัวเขาจนนักเตะคนอื่นในสนามแทบอับแสงไปเลย ไม่แปลกที่เขาจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับริคาร์โด้ กาก้าดาวดังระดับตำนานของสโมสรเอซี มิลานและทีมชาติบราซิลเพราะรูปร่างหน้าตา ลีลาการเล่นและตำแหน่งที่เล่นนั้นคล้ายคลึงกัน ส่วนอีกคนที่ย้ายมาทีหลังและเคมีเข้ากันกับปาเกต้านั่นก็คือ เคอร์ซีสตอฟ เปียเต็กเจ้าหนุ่มพูดน้อยต่อยหนักที่มาถึงก็บอกเพียงแค่ดีใจที่ได้ย้ายมาร่วมทีม แต่ผลงานนี่สินับว่าจัดหนักเพราะสี่เกมแรกที่ลงสนามในสีเสื้อมิลานเจ้าตัวกระซวกไปทันทีสี่ประตูแถมยังถล่มประตูอย่างต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้ แน่นอนเขาถูกยกไปเปรียบเทียบกับอังเดร เชฟเชนโก้กองหน้าเพชรฆาตจากยูเครนตั้งแต่ครั้งยังสวมยูนิฟอร์มของเจนัวการได้ย้ายเข้าสู่ถิ่นซาน ซีโร่ของเขาจึงเป็นดังฝันของสาวกรอสโซเนรี่ ทั้งร่างจำแลงของกาก้าและเชฟเชนโก้กลายเป็นนักเตะของมิลานทั้งคู่ เมื่อร่วมผนึกกำลังกับเจ้าเด็กห้าวทั้งหลายอย่างฟร็องค์ เคสซี่ พาทริค คูโตรเน่ ซามู คาสติลเญโฆ่ ดาวิเด้ คาราเบรีย ชูโซ่ อเลสซานโดร โรมัญโญลี่และจิอันลุยจิ ดอนนารุมม่าทีมปิศาจแดงดำเวลานี้จึงคะนองหนัก จากที่เคยตามหลังอันดับสี่ในลีกถึงเจ็ดแต้มตอนนี้แซงหน้าคู่แค้นอย่างอินเตอร์ มิลานขึ้นไปยืนอยู่ตำแหน่งนั้นจนได้ ต้องบอกว่ามิลานทีมนี้เป็นทีมแห่งอนาคตอย่างแท้จริงนักเตะวัยหนุ่มเหล่านี้ยังพัฒนาได้อีกไกลและบางคนอาจไปได้ไกลกว่าเชฟเชนโก้หรือกาก้าด้วยซ้ำดังนั้นไม่ว่าทีมใดอย่าได้ประมาทเอซี มิลานตอนนี้เลยเชียว

ดีแคลน ไรซ์ผมทนไม่ไหวขอขัดใจนะพ่อ

ไอร์แลนด์คือชนชาติที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง เป็นชาติที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและถูกจดจำในฐานะนักรบผู้ไม่ยอมสยบให้ใคร พวกเขาคือลูกหลานไวกิ้งอันดุดัน ชาวไอริชมีความเป็นชาตินิยมสูงมากพวกเขาภูมิใจในสายเลือด สีผิวอันขาวปรอท และเส้นผมสีส้มแดงอันเป็นรูปลักษณ์เฉพาะตัว แม้โลกภายนอกโดยเฉพาะในยุโรปจะมองว่าวัฒนธรรมแต่ครั้งอดีตของไอร์แลนด์นั้นป่าเถื่อนและแข็งกร้าวแต่ชาวไอริชกลับมองว่าความตรงเผงขวานผ่าซากเช่นพวกเขาคือสัจธรรมแท้จริงของชีวิตโดยไม่ต้องแสร้งทำดีตีสองหน้าเฉกเช่นผู้ดี ดังนั้นชาวไอริชจึงภาคภูมิใจและรู้สึกเป็นเกียรติยิ่งหากต้องทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดเพื่อชาติ                 ดีแคลน ไรซ์นักฟุตบอลดาวรุ่งลูกครึ่งไอริชกับอังกฤษอยู่ในความดูแลของสโมสรฟุตบอลเวสต์แฮม ยูไนเต็ดเขาเป็นกองกลางตัวรับฝีเท้าดีซึ่งฉายแสงออกมาในช่วงครึ่งฤดูกาลหลังในขณะที่เวสต์แฮมกำลังเข้าที่เข้าทาง ดีแคลนเป็นกองกลางตัวรับที่รูปร่างบางคล่องแคล่ว เข้าบอลแม่นยำ กัดไม่ปล่อย ยิงไกลได้หนักหน่วงรุนแรง ทั้งยังดันขึ้นมาเล่นเป็นมิดฟิลด์ประเภทบ็อกซ์ ทู บ็อกซ์หรือกองกลางตัวรุกแบบเพลย์เมกเกอร์ได้อีกต่างหาก ด้วยความที่มีเลือดไอริชไหลเวียนอยู่ทั่วทั้งสรรพางค์กายเขาจึงถูกเรียกขานฉายาว่า “นิว รอย คีน” ดีแคลนเป็นเด็กในคาถาของมานูเอล เปเลกรินิอย่างแท้จริงแถมผู้ให้โอกาสเดบิ้วปลุกปั้นมากับมือยังภูมิใจนำเสนอเป็นอันมากชนิดยิ้มแทบไม่หุบเวลามีสื่อถามถึงดีแคลน ไรซ์โดยเปเลกรินิบอกกับสื่อเลยว่าดีแคลนจะเป็นนักเตะระดับเดียวกับแฟรงก์ แลมพาร์ดหรือสตีเวน เจอร์ราร์ดได้อย่างแน่นอนและเขาคืออนาคตของทีมชาติอังกฤษอย่างไม่ต้องสงสัย ข้อความลงท้ายนี้ของเปเลกรินิเหมือนการโยนไม้ขีดไฟลงไปในถังน้ำมันเพราะหลายเกมที่เจ้าหนูฟอร์มกลั่นลงสนามทีมงานของมิก แม็คคาร์ธีย์ผู้จัดการทีมชาติไอร์แลนด์และกาเร็ธ เซาท์เกตนายใหญ่แห่งทัพสิงโตคำรามต่างผลัดกันเข้าไปซุ่มดูฟอร์ม หลังจากประโยคนั้นของกุนซือเวสต์แฮมหลุดออกไปทั้งสองทีมชาติจึงกดดันให้เจ้าหนูดีแคลน ไรซ์เลือกทันทีว่าจะยินดีรับใช้ทีมชาติภายใต้ธงของประเทศใด ไม่พอยังมีเหล่าบรรดานักเตะชื่อดังอย่างจอห์น เทอร์รี่ผสมโรงเชียร์ให้เลือกทีมชาติอังกฤษ ฝั่งไอร์แลนเชมัส โคลแมนก็ลุ้นให้เพชรน้ำงามเม็ดนี้ตกอยู่กับทีมชาติไอร์แลนด์เหมือนกัน                 ท้ายที่สุดเรื่องนี้ยืดเยื้อไม่นานเจ้าหนูดีแคลน ไรซ์เลือกโยกไปรับใช้ทีมชาติอังกฤษที่ภาษีดีกว่าในทุกด้านแม้จะเคยติดธงทีมชาติไอร์แลนด์ไปแล้วถึงสามนัดก็ตามและฟีฟ่าก็อนุมัติเป็นที่เรียบร้อย เหลือก็แต่คุณพ่อของเขาที่ยังทำใจไม่ได้และเปิดใจกับสื่อตรง ๆ ฉบับคนไอริชว่าแอบน้อยใจที่ลูกชายไม่เลือกรับใช้ทีมชาติไอร์แลนด์ซึ่งเป็นชาติต้นกำเนิดของคุณพ่อ แต่อย่างไรก็ตามแม้เขาจะเลือกเส้นทางใดครอบครัวก็จะสนับสนุนเขาต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง จะว่าไปแล้วกรณีนี้ก็สงสารคุณพ่อของดีแคลน ไรซ์กับทีมชาติไอร์แลนด์เหมือนกันนะเนี่ย

อูไน เอเมรี โจทย์นี้ยากเหลือเกิน

สโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลคือหนึ่งในสโมสรชั้นนำของเกาะอังกฤษรวมทั้งโลกนี้ เป็นสโมสรฟุตบอลที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมีความสำเร็จมากมายทั้งยังมีสไตล์ฟุตบอลเร็วอันเป็นเอกลักษณ์ อาร์เซนอลเคยมียุครุ่งเรืองสุดขีดอยู่ในระดับแชมเปียนส์ยาวนานหลายปีแต่ทุกอย่างกลับตาลปัตรในช่วงปีหลัง ๆ แม้จะมีแชมป์ติดมือบ้างประปรายแต่แชมป์ลีกสูงสุดคือความสำเร็จที่พวกเขาห่างเหินมานาน แถมการได้เล่นถ้วยใบเล็กของยุโรปอย่างรายการยูโรปาลีกสองปีติดกันเรียกได้ว่าเป็นความล้มเหลวอย่างไม่น่าให้อภัยสำหรับทีมระดับนี้ การเข้ามารับงานต่อจากกุนซือมาสเตอร์พีชอย่างอาร์แซน เวนเกอร์ไม่ใช่งานที่ง่ายเลยสำหรับอูไน เอเมรีการเปลี่ยนแปลงสโมสรที่กลายเป็นเสือกระดาษไปแล้วให้กลับมาเป็นเสือจริง ๆ คือโจทย์ที่ต้องใช้องค์ประกอบเอื้อเฟื้อกันหลายด้าน ทั้งปัจจัยด้านเงินทุน ผู้เล่นที่เข้าใจปรัชญาการทำทีม และแฟนบอลที่คอยหนุนหลัง ทั้งหมดที่กล่าวมาไม่มีข้อใดส่งเสริมกุนซือมันสมองชาวสเปนเลย สโมสรให้เงินทุนในการสร้างทีมแค่หยิบมือน้อยยิ่งกว่าทีมระดับกลางค่อนล่างแต่ต้องการผลงานคุณภาพซึ่งไม่ว่าใครก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้เปรียบกับโครงการก่อสร้างระดับเมก้าโปรเจ็คแต่เงินจ้างพอทำแค่บ้านชั้นเดียวซึ่งไม่แฟร์สำหรับคนทำงาน ตรงนี้อูไนเองเคยให้สัมภาษณ์ตัดพ้อกับสื่อเช่นกันว่าอาร์เซนอลในตอนนี้สามารถทำได้เพียงยืมตัวนักเตะใช้งานเท่านั้นเพราะไม่มีงบประมาณพอจะซื้อนักเตะดี ๆ ได้ ในส่วนนักเตะที่มีอยู่จำกัดก็เวียนกันเข้าโรงหมอเป็นว่าเล่นแถมดาวดังของทีมอย่างเมซุต โอซิล เฮนริค มคิทาร์ยาน เอคตอร์ เบเยรินยังไม่เข้าใจปรัชญาการทำทีมในฉบับของเขาอีกต่างหาก ส่วนผู้เล่นคนที่สิบสองอย่างแฟนบอลเองก็ไม่หนุนหลังเลยพวกเขารอความสำเร็จไม่ได้อีกต่อไปทั้งยังกดดันให้ทำทีมที่ไม่พร้อมนี้ไปสู่แชมป์ให้ได้โดยเร็ว ยิ่งในยามที่ทีมร่วงลงมาอยู่ในอันดับห้าถูกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแซงขึ้นไปรั้งอันดับสี่แฟนบอลกลุ่มใหญ่เรียกร้องให้สโมสรปลดอูไน เอเมรีแล้วดึงอาร์แซน เวนเกอร์กลับมาด้วยซ้ำซึ่งมันสะท้อนให้เห็นว่าจนถึงตอนนี้ทีมอย่างอาร์เซนอลก็ยังก้าวไม่พ้นเงาของอาร์แซน เวนเกอร์อยู่ดี ตอนนี้อูไน เอเมรีอาจทำอะไรได้ไม่มากไปกว่าการน้อมรับคำวิจารณ์ต่าง ๆ อย่างอดทน โดยประวัติแล้วเขาไม่ใช่ผู้จัดการที่ทำผลงานในบอลลีกได้ดีนัก แต่กับบอลถ้วยโดยเฉพาะยูโรปาลีกไม่มีใครปฏิเสธว่าเขาคือเซียนถ้วยนี้อย่างแท้จริงและมันเป็นทางลัดที่ดีที่สุดสำหรับการแก้ไขทุกปัญหาในสโมสรอาร์เซนอล ดังนั้นทีมดังจากนอร์ธลอนดอนจึงไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากสู้เต็มสูบเท่านั้นในรายการนี้ สุดท้ายแล้วหากฤดูกาลนี้จบลงด้วยการที่อูไนพาทีมปืนใหญ่เถลิงแชมป์ถ้วยเล็กของยุโรปได้อย่างที่ตั้งใจวันนั้นคงจะเป็นจุดเริ่มที่สโมสรแห่งนี้จะก้าวออกจากเงาของอาร์แซน เวนเกอร์จริง ๆ เสียที